2022-09-07 16:23:24
ทานน้ำผึ้งดีกว่าน้ำตาลทรายจริงไหม
ถึงแม้ว่าความหวาน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะความหวานอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ อาทิเช่น โรคอ้วน โรคไขมัน โรคหัวใจ อาจจะมีโรคอื่นๆ อีกตามมา เนื่องจากสภาวการณ์ของการบริโภคความหวานที่เกินความจำเป็น แต่น้ำตาลก็จำเป็นต่อร่างกายเช่นกัน เพราะช่วยบรรเทาความเครียด ช่วยดับร้อน ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี เป็นต้น แต่ต้องบริโภคน้ำตาลให้พอดี ถ้าบริโภคมากเกินความจำเป็นก็จะเป็นการให้โทษมากกว่าประโยชน์กับร่างกาย ดังนั้นหลายคนจึงพยายามเลือกชนิดของความหวานที่ให้โทษกับร่างกายน้อยที่สุด จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า “น้ำผึ้งกับน้ำตาล” อันไหนดีกว่ากัน
น้ำผึ้งและน้ำตาลทรายคืออะไร ต่างกันอย่างไร
น้ำผึ้ง คือน้ำหวานที่ผึ้งเก็บมาจากเกสรดอกไม้ มีลักษณะเป็นของเหลวข้นหนืด มีตั้งแต่สีเหลืองจางๆไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม น้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำและน้ำตาล 2 ชนิดคือฟรุกโตสและกลูโคส และยังมีวิตามินอื่นๆเช่น กรดอะมิโน เอนไซม์ วิตามินบี วิตามินซี แร่ธาตุ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ น้ำผึ้งจัดเป็นฟลาโวนอยด์ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ คุณค่าทางโภชนาการของน้ำผึ้งจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดของดอกไม้ ที่ผึ้งไปดูดน้ำหวานมา ซึ่งจะส่งผลไปถึงกลิ่น สี และรสชาติของน้ำผึ้งด้วย
น้ำผึ้งมีฟรุกโตสสูงกว่าน้ำตาลกลูโคส ซึ่งฟรุกโตสมีความหวานมากกว่ากลูโคส แม้ว่าจะใช้น้ำผึ้งในปริมาณที่น้อยกว่าในอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่ความหวานของน้ำผึ้งที่อยู่ในอาหารหรือเครื่องดื่มนั้น ก็ยังมีความหวานอยู่มาก วิตามินและแร่ธาตุต่างๆในน้ำผึ้ง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถ้าน้ำผึ้งดิบ(ยังไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์) จะมีละอองเกสรดอกไม้ซึ่งอาจช่วยลดอาการแพ้ได้ และน้ำผึ้งอาจจะมีประโยชน์กับร่างกายในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยบรรเทาจากการไอและเจ็บคอ หรือช่วยในการรักษาบาดแผลและแผลไฟไหม้เล็กน้อยได้
น้ำตาลทราย ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคสและฟรุกโตสซึ่งเมื่อรวมตัวกันในร่างกายแล้วจะเรียกว่าซูโครส น้ำตาลทรายเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดละลายน้ำได้ ในน้ำตาลทรายไม่มีวิตามินหรือแร่ธาตุ ซึ่งแตกต่างจากน้ำผึ้งซึ่งมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุ น้ำตาลทรายส่วนใหญ่มาจากชูการ์บีตและอ้อยที่มีการนำมาแปรรูปจนกลายเป็นน้ำตาลทรายบริสุทธิ์ ในรูปแบบที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดและมีการใช้มากที่สุดคือ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทรายดิบ ตามลำดับ ซึ่งน้ำตาลทรายดิบคือน้ำอ้อยนำมาเคี่ยว ปั่น และตกผลึกเป็นน้ำตาลมีสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้ม มีความชื้นปานกลาง มีกากน้ำตาลมาก เป็นวัตถุดิบในการน้ำตาลทรายขาว มีคุณค่าทางโภชนาการที่ไม่แตกต่างจากน้ำตาลทรายขาวเลย
น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานที่ให้พลังงานสูงกับร่างกาย สมองของมนุษย์ต้องการคาร์โบไฮเดรต 130 กรัมต่อวันในการทำงาน ซึ่งเมื่อร่างกายดูดน้ำตาลจะเปลี่ยนไปเป็นรูปแบบของพลังงานจึงทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น
น้ำตาลสามารถใช้ในการปรุงอาหารและเครื่องดื่มได้ดีกว่าและราคาถูกว่าน้ำผึ้ง อีกทั้งยังมีอายุการเก็บรักษาได้ยาวนานกว่าน้ำผึ้ง แต่น้ำตาลอาจย่อยยากกว่าน้ำผึ้ง และน้ำตาลสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคบางชนิดได้
เมื่อเรารู้จักน้ำผึ้งและน้ำตาลแล้ว ทั้งคู่มีการให้ความหวานเหมือนกัน แต่มีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้บริโภคควรเลือกบริโภคอย่างเหมาะสมกับร่างกาย และควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม