เราสามารถรับประทานน้ำผึ้งแทนน้ำตาลได้หรือไม่

เราสามารถรับประทานน้ำผึ้งแทนน้ำตาลได้หรือไม่

ถึงแม้ว่าโบร่ำโบราณมีการกล่าวถึงว่าน้ำผึ้งนั้นมีประโยชน์ในทางยา และมียาไทยหลายตำรับที่จำเป็นจะต้องมีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบ ทำให้หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดในเรื่องการทดแทนความหวานด้วยน้ำผึ้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วน้ำผึ้งก็คือน้ำตาลชนิดหนึ่งที่มีสารประกอบหลัก ๆ คล้ายน้ำตาล ที่ต่างกันก็แค่น้ำตาลเป็นส่วนประกอบที่เป็นโมเลกุลคู่และน้ำผึ้งเป็นโมเลกุลเดี่ยวนั่นเอง

เราสามารถรับประทานน้ำผึ้งได้ทุกวันหรือไม่

โดยทั่วไปร่างกายต้องการสารเพิ่มความหวาน มนุษย์เราจะมีพฤติกรรมแตกต่างกันออกไป เช่น ถ้าจะต้องการดื่มเครื่องดื่มร้อนและต้องการรสชาติหวานก็จะใส่น้ำผึ้งลงไปแทนน้ำตาล แต่รสชาติก็จะแตกต่างออกไป หากถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้ ก็จะทำให้รสชาติของเครื่องดื่มร้อนของคุณนั้นออกรสติดเปรี้ยวเล็กน้อย  หากเป็นน้ำตาลทราย ก็จะหวานแหลมนิดๆ แล้วแต่คุณจะชื่นชอบรสหวานแบบไหน 

ถ้าหากคุณอยากทราบวิธีการดื่มน้ำผึ้งให้มีประโยชน์เราก็ขอแนะนำให้ผสมกับน้ำอุ่นหนึ่งแล้วแล้วใส่น้ำผึ้งแท้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยสักไม่เกิน 2 ช้อนชา แบบนี้ก็จะช่วยให้หลับสบายขึ้น

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

1. อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น 
2. ให้คาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย
3. มีเอนไซม์และโปรตีนที่ย่อยง่าย
4. ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
5. ช่วยให้นอนหลับสบาย
6. มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ
7. ใช้แทนสารที่ให้ความหวาน
8. ช่วยลดอาการอักเสบของแผล
9. ช่วยลดอาการไอและระคายเคืองคอ
10. ช่วยต้านอนุมุลอิสระ ทำให้ผิวพรรณอ่อนนุ่ม

เราจะบริโภคแทนน้ำตาลในปริมาณมากเลยได้ไหม 

ทุกอย่างที่ต้องการเพิ่มรสหวานสามารถใช้น้ำผึ้งแทนเลยได้ไหม ก็อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าน้ำผึ้งก็คือน้ำตาล เพราะอย่างนี้ทำให้ถ้าคุณรับประทานไปเป็นจำนวนมาก ๆ ก็จะทำให้เป็นโทษต่อร่างกายอยู่ดียกตัวอย่างเช่น

1. อาจจะทำให้มีน้ำตาลเกินในกระแสเลือด และนำไปให้สู่โรคที่เป็นความเสื่อมของร่างกายได้ ซึ่งจะนำมาซึ่งโรคต่าง ๆ อยู่ดี

2. หากรับประทานน้ำผึ้งในปริมาณมาก ๆ อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืด หรือท้องเสียได้ แบบนี้ไม่ดีเพราะอาจเป็นโรคใหม่ขึ้นมาได้ นั่นก็คือปัญหาในเรื่องการดูดซึมของลำไส้นั่นเอง

3. ถึงแม้ว่าจะมีการนำน้ำผึ้งมาเป็นส่วนผสมของยาก็จริง แต่อย่างไรก็ตามน้ำผึ้งไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานอย่างแน่นอน

4. สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปีก็ไม่ควรบริโภคด้วยเช่นกัน เพราะระบบดูดซึมของเค้ายังไม่แข็งแรงเหมือนผู้ใหญ่ปกติทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตรนั้น ยิ่งไม่ควรที่จะดื่มหรือรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง เพราะน้ำผึ้งที่เก็บมาจากธรรมชาติอาจจะมีสปอร์ของโรคบางชนิดที่เป็นอันตราย ที่เกี่ยวกับระบบประสาทของลูกน้อยของคุณได้ด้วยเช่นกัน

รู้แบบนี้แล้ว เราควรที่จะบริโภคน้ำผึ้งอย่างพอดีตามความเหมาะของร่างกายที่ต้องการ น้ำผึ้งไม่ได้ให้โทษอย่างเดียว ยังมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไว้ใจได้ เพื่อความปลอดภัยในการบริโภค มีสุขภาพอนามัยที่ดีและไม่เสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่สามารถควบคุมได้นั่นเอง